English version Click Here | ||
|
||
ผลสรุปและการวิเคราะห์ ของฝ่ายการจัดการ |
ผลสรุปและการวิเคราห์ของฝ่ายจัดการ
|
|
|
ถึงแม้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากวิกฤตทางการเงินจะเป็นไปอย่างช้าๆ
ความวิตกกังวลก็ยังคงมีอยู่ ในเรื่องของการที่จะทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตลาดของอุตสาหกรรมโฆษณา ซึ่งสะท้อนภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจของไทยได้เป็นอย่างดี
และจะเห็นได้ว่ามีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ก็สามารถจะแย่งส่วนแบ่งของตลาดและผลการเติบโตของยอดโฆษณาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ
18.2 ในปี พ.ศ. 2543 ยอดรายได้รวมของบริษัทฯ ขายได้ถึง 1,097 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
137 ล้านบาท
หรือร้อยละ 14.2 จากปี พ.ศ. 2542 ยอดขายสิ่งพิมพ์แทบจะไม่มีการเพิ่มยอด
ราคาปลีกของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ยังคงขายอยู่ที่ฉบับละ 20 บาท สำหรับ
Student Weekly ได้เปลี่ยนราคาขายจาก 7 บาทเป็น 10 บาทต่อฉบับ ต้นทุนขายมียอดเงิน
583 ล้านบาทใน ปี พ.ศ. 2543 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 47 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2543
บริษัทฯ ได้ทำการสั่งซื้อกระดาษพิมพ์หนังสือพิมพ์ ไว้ล่วงหน้าในช่วงเวลาที่ราคาของกระดาษต่ำกว่า
460 เหรียญสหรัฐต่อตันเล็กน้อย นอกจากนี้ บริษัท ยังซื้อเงินดอลล่าร์สหรัฐไว้ล่วงหน้า
ในราคาเฉลี่ย 38.80 บาทต่อเหรียญสหรัฐ สรุปแล้วราคาของกระดาษหนังสือพิมพ์ในปี
พ.ศ. 2543 แทบจะไม่เพิ่มขึ้นจากราคาในปี พ.ศ. 2542 เลย แต่ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยนั้น
เป็นการใช้กระดาษพิมพ์ในปริมาณที่เพิ่มขึ้นอันเป็นผลเนื่องมาจากจำนวนหน้าหนังสือพิมพ์ที่เพิ่มขึ้นด้วย
นิตยสาร ซึ่งมีการดำเนินงานโดยบริษัทในเครือที่กิจการมีการร่วมทุน ก็ประสพกับราคากระดาษพิมพ์ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก
เช่นเดียวกับต้นทุนการพิมพ์ของแผนกการพิมพ์พาณิชย์ นอกจากนี้ ยอดพิมพ์ของนิตยสารและ
จำนวนหน้าที่เพิ่มขึ้นก็เป็นผลทำให้ต้นทุนของนิตยสารสูงขึ้นเป็นอย่างมากในปี
พ.ศ. 2543 ค่าใช้จ่ายในการ ขายและการบริหารได้เพิ่มสูงขึ้นจาก 269 ล้านบาทในปี
พ.ศ. 2542เป็น 283 ล้านบาทในปี พ.ศ. 2543 ยอดค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น 14 ล้านบาท
เป็นผลอันเนื่องมาจาก เงินเดือน สวัสดิการ และค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้น
และใน เวลาเดียวกับยอดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับหนี้สูญก็ได้ลดลงมาเป็นอย่างมาก
โดยลดจากยอดค่าใช้จ่ายในการนี้ 17 ล้านบาทในปี พ.ศ. 2542 เหลือแค่ 2 ล้านบาทในปี
พ.ศ. 2543
ในปี พ.ศ. 2543 ยอดภาษีเงินได้ของกิจการอยู่ในอัตราร้อยละ 31.9 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 2 จากปีก่อน ยอด อัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นก็เนื่องมาจากยอดขาดทุนสะสมของบริษัทในเครือได้ใช้หมดแล้วตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2543 กำไรสุทธิของกิจการเพิ่มขึ้น 46.4 ล้านบาทเป็น 150.5 ล้านบาทในปี พ.ศ. 2543 กำไรที่สูงขึ้นเนื่องมาจาก ยอดรายได้โฆษณาที่เพิ่มขึ้นประกอบกับการควบคุมที่ได้ผลในต้นทุนตัวหลักๆ ของกิจการ
สภาพคล่อง
มาตรฐานการบัญชีใหม่
|
|
|
©
The Post Publishing Public Co., Ltd. 2001 |